การรับรองห้องปฏิบัติการและขอบข่ายสำหรับการรับรองห้องปฏิบัติการ

การรับรองห้องปฏิบัติการและขอบข่ายสำหรับการรับรองห้องปฏิบัติการ

การรับรองห้องปฏิบัติการและขอบข่ายสำหรับการรับรองห้องปฏิบัติการ

การรับรองห้องปฏิบัติการ (Laboratory Accreditation) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยยืนยันว่าห้องปฏิบัติการมีมาตรฐานที่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านคุณภาพและการดำเนินงานตามหลักสากล การรับรองนี้ทำให้ห้องปฏิบัติการได้รับความเชื่อถือจากลูกค้า องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าห้องปฏิบัติการสามารถปฏิบัติตามกระบวนการที่มีมาตรฐานและเชื่อถือได้ ผลการทดสอบและการวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองนั้นมีความแม่นยำและสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจและการประเมินคุณภาพในหลายด้าน

ประเภทของการรับรองห้องปฏิบัติการ

     การรับรองห้องปฏิบัติการสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ การรับรองห้องปฏิบัติการด้านการทดสอบ (Testing Laboratory Accreditation) และการรับรองห้องปฏิบัติการด้านการสอบเทียบ (Calibration Laboratory Accreditation) ทั้งสองประเภทนี้มีบทบาทและความสำคัญที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของงานที่ดำเนินการ

1. การรับรองห้องปฏิบัติการด้านการทดสอบ (Testing Laboratory Accreditation)

     การรับรองประเภทนี้เกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการที่ดำเนินการทดสอบตัวอย่างต่าง ๆ เพื่อวัดและตรวจสอบคุณภาพของสินค้า วัสดุ หรือผลิตภัณฑ์ตามข้อกำหนดมาตรฐานสากล เช่น ISO/IEC 17025 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้สำหรับการรับรองห้องปฏิบัติการด้านการทดสอบ ห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองประเภทนี้จะได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถในการให้ผลการทดสอบที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น การทดสอบทางเคมี การทดสอบทางชีวภาพ หรือการทดสอบทางกายภาพ ซึ่งมักใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต การแพทย์ และการวิจัยพัฒนา

     การทดสอบที่แม่นยำและน่าเชื่อถือนี้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้การตัดสินใจในเรื่องของคุณภาพหรือความปลอดภัยนั้นมีข้อมูลที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ ห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองยังสามารถดำเนินการทดสอบที่ถูกต้องตามข้อกำหนดของลูกค้า และใช้เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตหรือรับรองมาตรฐานอื่น ๆ ได้

2. การรับรองห้องปฏิบัติการด้านการสอบเทียบ (Calibration Laboratory Accreditation)

     ห้องปฏิบัติการด้านการสอบเทียบมีหน้าที่ในการปรับเทียบ (calibrate) เครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความแม่นยำและความสอดคล้องตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ISO/IEC 17025 ที่ใช้สำหรับการสอบเทียบเครื่องมือวัด เช่น เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดอุณหภูมิ หรือเครื่องวัดแรงดัน ห้องปฏิบัติการสอบเทียบมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำในการวัดผล การปรับเทียบเครื่องมือให้ถูกต้องตามมาตรฐานช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

     การรับรองห้องปฏิบัติการสอบเทียบช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องมือวัดมีความแม่นยำ สามารถวัดค่าได้ตรงตามที่กำหนด ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องการการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เช่น การผลิตในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องมือที่ใช้ในการวัด

ขอบข่ายของการรับรองห้องปฏิบัติการทั้งสองประเภท สามารถแสดงให้เห็นได้จากลักษณะงานและตัวอย่างการดำเนินการ ดังนี้:

1. ขอบข่ายของการรับรองห้องปฏิบัติการด้านการทดสอบ (Testing Laboratory Accreditation)

ห้องปฏิบัติการด้านการทดสอบมีขอบข่ายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณภาพและสมบัติของผลิตภัณฑ์หรือวัสดุต่าง ๆ ตามมาตรฐานสากล ตัวอย่างขอบข่ายได้แก่:

      การทดสอบทางเคมี (Chemical Testing): ห้องปฏิบัติการสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของตัวอย่างต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบสารพิษตกค้างในอาหาร สารเคมีในเครื่องสำอาง หรือองค์ประกอบของโลหะในวัสดุก่อสร้าง

     • การทดสอบทางชีวภาพ (Biological Testing): ห้องปฏิบัติการทดสอบตัวอย่างในด้านจุลชีววิทยา เช่น การตรวจหาการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียในอาหาร หรือการทดสอบประสิทธิภาพของยาต้านจุลชีพ

      การทดสอบทางกายภาพ (Physical Testing): เช่น การวัดความแข็งแรงของวัสดุ การทดสอบความยืดหยุ่นของพลาสติก การทดสอบความต้านทานแรงกระแทกในผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ

     • การทดสอบสิ่งแวดล้อม (Environmental Testing): เช่น การวัดคุณภาพอากาศ ดิน และน้ำ เพื่อประเมินการปนเปื้อนทางสิ่งแวดล้อม หรือทดสอบคุณภาพของน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม

2. ขอบข่ายของการรับรองห้องปฏิบัติการด้านการสอบเทียบ (Calibration Laboratory Accreditation)

ห้องปฏิบัติการสอบเทียบมีขอบข่ายที่เน้นการปรับเทียบและตรวจสอบความแม่นยำของเครื่องมือวัดต่าง ๆ ซึ่งต้องการมาตรฐานสูงมาก ตัวอย่างขอบข่ายได้แก่:

     • การสอบเทียบเครื่องมือวัดทางมิติ (Dimensional Calibration): เช่น การสอบเทียบไม้บรรทัด เครื่องวัดระยะ เครื่องมือทดสอบความเรียบ (surface roughness tester) เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือเหล่านี้ให้ค่าที่แม่นยำ

     • การสอบเทียบเครื่องมือวัดทางมวลและความหนาแน่น (Mass and Density Calibration): เช่น การสอบเทียบเครื่องชั่งน้ำหนักทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องชั่งดิจิทัลในอุตสาหกรรมอาหารไปจนถึงเครื่องชั่งละเอียดในห้องทดลอง

      การสอบเทียบเครื่องมือวัดอุณหภูมิ (Temperature Calibration): เช่น การสอบเทียบเทอร์โมมิเตอร์หรือเครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และการแพทย์

     • การสอบเทียบเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า (Electrical Calibration): เช่น การสอบเทียบมัลติมิเตอร์ (multimeter) เครื่องวัดแรงดันไฟฟ้า หรือเครื่องวัดความต้านทาน ซึ่งมีความสำคัญในงานด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ตัวอย่างรายงานผลขอบข่ายเครื่องมือวัดทางมิติ

ตัวอย่าง : Roundness Tester

     • ขีดความสามารถในการสอบเทียบ: ± 1,000 µm สำหรับแกน Z สูงสุดถึง 400 mm และแกน R สูงสุดถึง 300 mm

     • ความแม่นยำการหมุนในทิศทางรัศมี: ค่าเบี่ยงเบน ± 0.012 R² µm (ที่ R หมายถึง ความกลมในหน่วยไมครอน)

     • วิธีสอบเทียบ: ใช้วิธีสอบเทียบภายในองค์กรตามมาตรฐาน JIS B 7451 : 1997

ตัวอย่าง: Coordinate Measuring Machine (CMM)

     • ขีดความสามารถในการวัดปริมาตร: XYZ สูงสุดถึง (850 × 1,000 × 600) mm³

     • ความผิดพลาดในการวัดระยะทาง: 1.30 + 3.4 L/1,000 µm (ที่ L หมายถึง ระยะทางในหน่วยมิลลิเมตร)

     • วิธีสอบเทียบ: ใช้ตามมาตรฐาน ISO 10360-2 : 2009 และ ISO 10360-5 : 2010